ประสบการณ์สยองขวัญเรื่อง"เรือนปั้นหยากับห้องลึกลับ ภาคแรก"

in #thai7 years ago

เล่าโดย : คุณปาง
FB_IMG_1518423935133.jpg
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง ในจังหวัดมหาสารคาม เมื่อสมัยที่คุณปางยังเป็นเด็กเล็กวิ่งเล่นอยู่ คุณแม่ท่านไม่ค่อยมีเวลาดูแลคุณปางมากนัก จึงได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของคุณพ่อในจังหวัดมหาสารคาม

บ้านที่มหาสารคามจะมีอยู่สองหลัง คุณปู่กับคุณย่าท่านจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ส่วนอีกหลังที่ตั้งอยู่เยื้องๆกันจะเป็นหลังใหญ่ซึ่งไม่มีใครอาศัยอยู่ คนที่นั่นเรียกว่าบ้านใหญ่ คุณย่าท่านจึงให้คุณแม่กับคุณปางเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่

ลักษณะของบ้านใหญ่จะเป็นบ้านทรงไทย คล้ายเรือนปั้นหยาทรงสี่เหลี่ยมสีเขียว ทำจากไม้ทั้งหลัง ดูเก่าแก่มีอายุพอสมควร บันไดขึ้นชั้นบนจะอยู่ด้านหลัง ชั้นล่างจะเป็นห้องโถงรับแขกกว้างๆ ห้องน้ำกับห้องเก็บของจะอยู่ส่วนหลังของบ้าน มีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ชั้นบนจะมีสี่ห้องนอน แบ่งเป็นสองฝั่ง ตรงกลางจะเป็นโถงทางเดินกว้างๆ สุดทางเดินจะเป็นระเบียงที่ยื่นออกไปนอกตัวบ้านซึ่งมีรอบทั้งหลัง เป็นบ้านที่ดูสวยงามมาก แต่ก็ดูน่ากลัวในขณะเดียวกัน

คุณปางกับคุณแม่จะอาศัยอยู่ในห้องนอนชั้นสองทางฝั่งขวา เมื่ออยู่มาได้สักพัก คุณปางสังเกตได้ว่า มีอยู่ห้องหนึ่งที่อยู่ฝั่งซ้าย จะถูกล็อกแล้วมีโซ่คล้องไว้อยู่ตลอดเวลา ถ้าล๊อกไว้เสียทุกห้อง แล้วเปิดให้เฉพาะห้องที่คุณปางนอนก็พอจะเข้าใจ แต่การที่มีห้องเดียวเท่านั้นที่ถูกหวงแหนเช่นนี้ มันเลยดูน่าสงสัยก็แค่นั้น

และทุกๆวันโกน ในเวลาประมาณหกโมงเย็น คุณปู่ท่านมักจะเดินถือกระทงใบตองเล็กๆเข้าไปในห้องนั้นแล้วปิดประตู สักพักท่านก็จะเดินออกมา ซึ่งตอนนั้นคุณปางยังคงเป็นเด็กเกินไป จะถามตรงๆก็ไม่กล้า เพราะคุณปู่ท่านก็ดุเหลือเกิน ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

และวันนั้นในช่วงกลางดึก คุณปางจะได้ยินเสียงพื้นไม้ลั่น "แอ๊ด..แอ๊ด..แอ๊ด" เป็นเสียงน้ำหนักกดลงบนพื้นไม้ คล้ายกับว่ามีอะไรสักอย่างเดินอยู่บนบ้าน แต่เมื่อลองถามคุณแม่ดู ท่านก็จะทำเป็นไม่สนใจและบอกให้นอนเสีย พอรุ่งเช้าขึ้น ด้วยความสงสัยระคนอยากรู้ คุณปางจึงตื้อถามคุณแม่อีกครั้ง ท่านก็จะบอกแค่ว่าเป็นเสียงไม้ลั่นธรรมดาเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจหรือไปกลัวอะไรมันหรอก แล้วท่านก็เปลี่ยนเรื่องคุย

จนวันหนึ่งในช่วงตะวันตรงหัว ด้วยความสงสัยปนความอยากรู้อยากเห็น คุณปางจึงเดินไปที่หน้าประตูห้องที่ถูกโซ่คล้องไว้ พยายามหารูหาช่องเล็กๆเพื่อที่จะมองลอดเข้าไปด้านใน แต่หาดูจนทั่วก็ไม่พบ ในขณะที่กำลังใช้ความคิดพลางจับโซ่ที่คล้องประตูเล่นไปด้วย

ก็มาฉุดคิดเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าห้องนี้มันมีหน้าต่าง จึงได้วิ่งโร่ไปที่ระเบียงฝั่งเดียวกับห้อง ลักษณะเป็นหน้าต่างไม้ซี่เฉียงๆ เหมือนหน้าต่างของบ้านทรงไทยสมัยก่อนทั่วไป คุณปางรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตนเองเป็นผู้ชนะ ว่าแล้วก็เอาหน้าแนบกับหน้าต่างไม้แล้วสอดส่องสายตาเข้าไปด้านใน

สิ่งแรกที่เห็นคือโต๊ะเครื่องแป้งเก่าแก่ฝุ่นจับหนาเตอะ ถัดไปทางซ้ายจะมีกระจกบานใหญ่สีขุ่นคลักแทบมองไม่ได้ วางตั้งอยู่กับพื้นในลักษณะพิงผนังห้อง ถัดไปอีกจะเป็นเตียงไม้หลังใหญ่ที่ยังไม่ได้ม้อนผ้าปูที่นอนเก็บ คล้ายกับว่ามันกำลังรอเจ้าของกลับมาใช้มันอีกครั้ง

อีกฝั่งของเตียงจะมีเก้าอี้หวายอยู่ตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่สะกิดใจของคุณปางก็คือ ผ้าม้วนใหญ่สีขาวมอซอเท่าตัวคน ที่มันวางพิงอยู่บนเก้าอี้หวาย ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อลองเลื่อนระดับสายตาให้ต่ำลงมา ก็พบว่ามีกระทงใบตองที่คุณปู่มักจะถือติดมือเข้ามาในห้องนี้ วางอยู่ข้างๆเก้าอี้หวาย

คุณปางเพ่งมองอยู่นานก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จึงคิดว่าเลิกสนใจมันจะดีกว่า เสียเวลาวิ่งเล่นไปสะเปล่าๆปลี้ๆ คิดว่าจะมีขุมทรัพย์หรืออะไรที่มันน่าตื่นเต้นเทือกนี้เสียอีก

และในจังหวะที่คุณปางเบือนหน้าออกมาจากห้อง มันคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างมันขยับ ทำให้คุณปางต้องหันกลับมาเพ่งมองภายในห้องอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าอะไรหรือสิ่งใดในห้องกันแน่ที่มันขยับ ในใจยังคิดสงสัยใคร่รู้ ในขณะที่กลอกสายตาไปมาเพื่อหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่พบสิ่งใด จึงจำเป็นต้องเก็บความสงสัยนี้ไว้เสียก่อน

ประมาณหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง คุณแม่ได้ไปร่วมงานฌาปนกิจของคนในหมู่บ้าน โดยบอกแค่ว่าดึกๆถึงจะกลับ คุณปางจึงต้องนอนเล่นคนเดียวในบ้านไปก่อน เวลาประมาณสี่ทุ่มเศษๆ คุณปางเปิดไฟสว่างโร่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงไม้ เพราะเป็นครั้งแรกที่อยู่ในบ้านหลังนี้แค่คนเดียวในยามวิกาล

ดวงจันทร์มันไม่ได้นำพาแค่ความมืดมาเยือนเท่านั้น มันยังพาความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกด้วย ไม่มีเสียงเอะอะมะเทิ่งของขี้เมาบ้านข้างๆ ที่ชอบตั้งวงกันได้สะทุกวัน คงเป็นเพราะย้ายไปตั้งวงกันในงานเสียหมด แม้แต่ไอ้ตูบที่ชอบมาเห่าหอนอยู่หน้าบ้าน สร้างความรำคาญให้ได้ทุกวี่ทุกวัน แต่วันนี้มันกลับเงียบหายไปเสียเฉยๆ

ได้ยินเพียงแค่เสียงเดินของนาฬิกาเจ้าคุณปู่เรือนใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในโถงทางเดินหน้าห้อง ร้องเตือนบอกเวลาเป็นวินาที คุณปางนอนฟังเสียงเข็มนาฬิกาเลื่อนดังแคร็กๆแล้วก็เพลินดีจนเคลิ้มหลับ

มาตื่นเต็มตาก็เพราะเสียงที่คุ้นเคยแว่วมาเบาๆ "แอ๊ด..แอ๊ด..แอ๊ด" เสียงที่คุณแม่บอกว่าเป็นเพราะไม้ลั่น แต่คุณปางไม่ปักใจเชื่อนัก จะมีสักกี่บ้านกี่เรือนกัน ที่ไม้จะลั่นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเช่นนี้ และมันดังอยู่แถวๆโถงทางเดินหน้าห้องนี้เอง มีเพียงแค่ผนังบางๆกั้นเท่านั้น

คุณปางในสมัยนั้นที่ยังเป็นเด็ก จินตนาการไปต่างๆนาๆ ว่าอะไรกันนะที่มันเดินอยู่ด้านนอกนั่น แม้จะหวาดกลัวจนตัวสั่นสยองขวัญจนฉี่เล็ด แต่ความอยากรู้อยากเห็นมักต้องเอาชนะได้เสมอ คุณปางค่อยๆก้าวลงจากเตียงให้เบาที่สุด นิ่งที่สุด กลัวเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงไม้มันจะลั่นดังออกไปข้างนอก จนอะไรบางอย่างที่เดินอยู่หน้าห้องได้ยินเข้า ค่อยๆก้มหน้าแนบลงไปกับช่องใต้ประตูไม้แกะสลักลายวิจิตร แล้วมองออกไปนอกห้อง

บนพื้นไม้ขัดเงาสีดำเลื่อม คุณปางเห็นเข้ากับขาคู่หนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องที่ถูกโซ้คล้องเอาไว้ ลักษณะขาขาวซีดเรียวเล็ก ให้เดาคงเป็นขาของหญิงสาวมากกว่าจะเป็นของชายฉกรรจ์ เธอยืนหันออกไปทางระเบียง

ในใจคิดว่าจะใช่คุณแม่หรือเปล่า แต่ถ้าเป็นท่านจริง ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงตอนที่ท่านเดินขึ้นบันได ขนาดตัวเราเองที่หนักไม่ถึงสี่สิบดี เหยียบลงบนขั้นบันไดไม้ทียังลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปทั้งหลัง บ้านไม้หลังเก่าแก่มีอายุมันก็ต้องเป็นธรรมดาของมัน

ในระหว่างที่คุณปางกำลังเพ่งมองด้วยความสงสัย ขาปริศนาคู่นั้นค่อยๆก้าวหันตรงมาทางคุณปางอย่างเชื่องช้า และตามมาด้วยเสียงลั่นแอ๊ดเบาๆ คุณปางมองดูด้วยความฉงนสนเท่ห์ แต่ก็ต้องตกใจจนผวาสุดขีด เพราะเท้าคู่นั้นมันวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางคุณปางทันที โดยที่ไม่ทันให้ตั้งตัว เสียงส้นเท้าสับลงบนพื้นไม้ขัดมันดังลั่นบ้าน "ตึ้งๆๆๆๆๆ!!"

คุณปางผงะดีดตัวออกห่างจากประตูทันที เผลอร้องตะโกนเพราะความตกใจ กระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มคลุมโปง นอนเหงื่อแตกร้องไห้เรียกหาคุณแม่อยู่ใต้ผ้าห่ม

จนเวลาผ่านไปสักพัก เริ่มคลายความกลัวลงมาได้บ้าง แต่ไม่วายยังคลุมโปงเหงื่อแตกตัวสั่นอยู่อย่างนั้น เพราะภาพที่เห็นมันติดตาจนจำฝังใจ และในขณะนั้นเอง หูก็ได้ยิงเสียงอะไรสักอย่างแปลกๆ ทำให้คุณปางต้องชะงักแล้วตั้งใจฟัง

"อึออ่าอ่ออู้ไอ้อ้า..ไอ้อัออูเอาอึออา" เสียงมันดังอยู่หน้าประตู คล้ายกับผู้หญิงที่เอามือปิดปากตัวเองแล้วพยายามพูด จนไม่สามารถจับใจความอะไรได้ คุณปางได้แต่เอามือปิดหูหลับตาปี๋ ตัวสั่นเหมือนคนจับไข้ นอนภาวนาขอให้ใครสักคน จะเป็นใครก็ได้ รีบเข้ามาช่วยทีเถอะ

จนสักพัก ก็ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกอย่างแรง ตามมาด้วยเสียงขั้นบันไดไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง "ปาง!! ปาง" เสียงที่ได้ยินทำให้คุณปางรู้สึกเหมือนตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายยังไงยังงั้น รีบขานตอบทันที "ครับปู่!!" แล้วรีบกระโดดลงจากเตียงไปเปิดประตู

เห็นชายชราผมหงอกร่างผอมแห้งยืนทำหน้าบึ่งตึงอยู่หน้าห้อง "แม่มึงไปไหน!" คุณปางจึงรีบตอบทันที ลืมสิ่งที่คุณแม่เตี้ยมไว้ตอนเย็นเสียสนิท "แม่ไปเล่นไพ่ที่งานครับ" เมื่อคุณปู่ท่านได้ยินเช่นนั้นจึงบ่นงึมงำอยู่ในลำคอ แล้วพูดออกมาเสียงดังว่า "ไปๆ ไปนอนกับปู่" พูดจบท่านก็เดินลงบันได ไล่ปิดไฟให้หมดทุกดวงแล้วออกจากบ้าน คุณปางก็เดินตามท่านไปติดๆ

ในขณะที่ท่านกำลังจะปิดประตูใหญ่หน้าบ้าน ท่านยั้งมือไว้ประมาณหนึ่ง บานประตูแง้มประมาณหนึ่งคืบ ท่านมองเข้าไปยังความมืดมิดในตัวบ้าน แล้วพูดออกมาเบาๆว่า "ดูบ้านด้วยนะ" จากนั้นท่านก็ปิดประตูจนสนิท หันมาจูงมือคุณปางไปยังบ้านอีกหลัง การกระทำของท่านเมื่อครู่ สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับคุณปางอย่างมาก หลังจากนั้น คุณปู่ท่านก็ให้คุณแม่กับคุณปางย้ายมาอาศัยอยู่ในบ้านเล็กกับทุกคน แล้วกำชับเป็นเด็ดขาดห้ามคุณปางเข้าใกล้บ้านใหญ่

เคนดิตภาพ : gages
Thank you and follow me
@Nonthawatkuki👈👈👈